บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2020

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีทางรถไฟสายมรณะ

รูปภาพ
ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี   ทางรถไฟสายมรณะ สายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชีย ที่กองทัพญี่ปุ่น เกณฑ์ มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานี น้ำตกระยะทางจาก สถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร "หากนับหมอนหนุนรางรถไฟมีเท่าไหร่ จำนวนผู้คน-เชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาสร้าง ทางรถไฟ สายนี้ก็ตายไปเท่านั้น"  นี่คือคำเล่าขานถึงเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ไทย-พม่า ระยะทางกว่า 415 กิโลเมตรนี้ คือ ความหฤโหด ทารุณ และยากลำบาก ของสิ่งที่เชลยศึกได้รับ จนได้รับการขนานนาม ว่า "เส้นทางรถไฟสายมรณะ"     ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางสาย ธนบุรี-น้ำตกทุกวัน และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาก คือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแควและช่วงโค้งมรณะหรือ ถ้ำกระแซซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบ แม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก ที่เส้

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัยแห่งความศรัทธา

รูปภาพ
ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี พื้นที่ 42 ไร่ ในชุมชนสามัคคี อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 3 กิโลเมตรนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาชมความแปลกตาด้วยความแปลกใจเพราะเต็มไปด้วยรูปปั้นก่ออิฐถือปูนมากมายทรงสูงตระหง่านใหญ่โตถูกสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาและความเชื่อของ  ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์  หรือ  ปู่เหลือ  (พ.ศ.2476-2539) ว่าทุกศาสนาผสมผสานกันได้โดยปรารถนาให้  "อุทยานเทวาลัย"  หรือ  "ศาลาแก้วกู่"  หรือที่ชาวหนองคายเรียกกันง่ายๆว่า  "วัดแขก"  เป็นสถานที่แทนภาพดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง   หลังจากจ่ายค่าเข้าชมอุทยานเทวาลัยแล้ว เราก็เริ่มเดินไปรอบๆ ชมเทวาลัยปางต่างๆ ทันที ความรู้สึกหนึ่งเมื่อเรามองไปรอบๆ แล้ว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนหลงเข้ามาเดินอยู่ในสวนของยักษ์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนใหญ่โตมหึมา จนตัวคนเหลือนิดเดียว เมื่อเทียบกับขนาดของรูปปั้น ส่วนใหญ่แล้วเทวาลัยต่างๆ จะมีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ตามตำนานความเชื่อใน พราหมณ์ ฮิ

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีอุดรธานีจังหวัดที่น่าเที่ยวอันดับต้นๆในอีสาน

รูปภาพ
ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี  อุดรธานีจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีพบว่า บริเวณพื้นที่ ที่เป็นจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 5,000-7,000 ปี จากหลักฐานการค้นพบที่บ้านเชียงอำเภอหนองหานและภาพเขียนสีบนผนังถำที่อำเภอ บ้านผือ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีจนเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการศึกษาประวัติศาสตร์ และโบราณคดีระหว่างประเทศว่าชุมชนที่เป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติ ศาสตร์ที่จังหวัดอุดรธานี มีอารยธรรมความเจริญในระดับสูง และอาจถ่ายทอดความเจริญนี้ไปสู่ประเทศจีนก็อาจเป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่บ้านเชียงนั้นสันนิฐานว่า อาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายที่เก่าที่สุดของโลก        หลังจากยุคความเจริญที่บ้านเชียงแล้ว พื้นที่ที่เป็นจังหวัดอุดรธานี ก็ยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สืบต่อมาอีกจนกระทั่งสมัยประวัติศาสตร์ของ ประเทศไทย นังตั้งแต่สมัยทวาราวดี (พ.ศ.1200-1600) สมัยลพบุลี (พ.ศ.1200-1800) และสมัยสุโขทัย (พ.ศ.1800-2000) จากหลักฐานที่พบคือใบเสมาสมัยทวาราวดีลพบุรี และภาพเขียนปูนบนผนังโบสถ์ที่ปร

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ ขอหวยสุดปัง

รูปภาพ
  ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี   วัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่   ตั้งอยู่ที่   หมู่   7 ตำบลฉลอง   อำเภอสิชล   จังหวัดนครศรีธรรมราช   เคยเป็นวัดร้างที่เชื่อกันว่าสร้างมาเป็นเวลานับ 1000 ปี           มีเพียงเจดีย์โบราณเก่ารกร้างอยู่ตรงบริเวณที่กำลังสร้างโบสถ์ในปัจจุบัน   จนเมื่อประมาณ  พ.ศ.2500 มีการบูรณะวัดเจดีย์ขึ้นมาใหม่  มีพระเข้ามาอยู่ประจำ   เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวบ้านใกล้เคียง   และเป็นที่ประดิษฐานของ   “พ่อท่าน”   พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ยังป็นวัดร้าง ไอ้ไข่วัดเจดีย์   หรือ   ตาไข่วัดเจดีย์   คือรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ  9 -10 ขวบ  ตั้งอยู่ในศาลาในวัดเจดีย์เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่  ณ  วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัดไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้ จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า   “ขอได้ไหว้รับ”   โดยเฉพาะโชคลาภ   และการค้าขาย      เรื่องราวของไอ้ไข่หรือตาไข่นั้น   มีที่มาจากการที่ชาวบ้านแถวนั้นเคยเห็นภาพเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัด   เมื่อเข้าไปหาดูก็ไม่พบว่ามีเด็กมาพักอาศัยในบริเวณนั้นแต่อย่างใด   เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เ

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีพัทยาเมืองน่าเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพ

รูปภาพ
ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี   จังหวัดพัทยา หรือ เมืองพัทยา เป็น เขตปกครองพิเศษ เขตหนึ่งที่ตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา ฉบับ วันที่ 29 พฤจิกายน พ.ศ. 2521 [1] (เทียบเท่า เทศบาลนคร ) ในเขต จังหวัดชลบุรี จัดเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกโดยเฉพาะหาดทรายที่ ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเล จัดได้ว่ามีความสวยงามอีกแห่งของประเทศไทย     ที่ตั้ง   พัทยาอยู่ห่างจาก กรุงเทพมหานคร ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 140 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกของ อ่าวไทย ซึ่งพัทยาแบ่งเป็น 4 ส่วนได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และ หาดจอมเทียน เป็นหาดรูปโค้ง อยู่ในตัวเมืองพัทยา มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ เป็นหาดที่มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่นด้วย พันธ์ไม้นานาชนิด ชายหาดทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำนั่งพักผ่อน หรือเล่น กีฬาทางน้ำต่างๆ ส่วนชายหาดช่วงกลางไปจนถึงสุดหาดทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่มีธุรกิจการบริการหนาแน่น ทั้งแหล่ง อาหารเครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนแหล่งบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ มากมาย หาดวงพระจันท

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีอำเภอปัวเมืองสีเขียวสุดสวย

รูปภาพ
                ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี    ความเป็นมาอำเภอปัว เริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ.1825 ภายใต้การนำของ พญาภูคา เจ้าเมืองย่าง ศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่าง ใกล้เทือกเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอย ชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน กำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ ต่อมาพญาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม ๒ คน ไปสร้างเมืองใหม่ โดย ขุนนุ่น ผู้พี่ไปสร้าง เมืองจันทบุรี (เมืองหลวงพระบาง) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำของ (แม่น้ำโขง) และ ขุนฟอง ผู้น้องสร้าง เมืองวรนคร (เมืองปัว) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ การที่ให้ชื่อว่าเมือง "วรนคร" ก็เนื่องมาจาก พญาภูคา ได้เลือกชัยภูมิที่ดี เหมาะสมในการสร้างเมือง เสร็จแล้วจึงขนานนามว่าเมือง "วรนคร" ซึ่งหมายถึง เมืองดี นับว่าเป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ภูคา   เมื่อบ้านเมืองวรนครเริ่มมั่นคงเป็นปึกแผ่น เจ้าขุนฟองก็ได้เป็นพญาแล้วเสวยราชสมบัติในเมืองวรนคร ทร

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีหมู่บ้านรักไทยสุดสวย

รูปภาพ
   ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี ถ้าพูดถึงหน้าหนาวก็ต้องนึกถึงบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้บานสะพรั่ง และชาอุ่นๆ สักแก้ว ความรู้สึกประมาณนี้ทำให้เก็บกระเป๋าอย่างไม่ทันรู้ตัว ผ่านเส้นทางโค้งฉวัดเฉวียนไปๆ มาๆ หลายพันโค้งจนกระทั่งได้มาถึงที่นี่ค่ะ บ้านรักไทยแม่ฮ่องสอน หมู่บ้านชาวจีนยูนนาน ที่รายล้อมด้วยหุบเขาใหญ่    บรรยากาศของที่นี่ทำให้แทบไม่รู้สึกว่าอยู่เมืองไทย จังหวะนึงแอบเผลอๆ คิดไปว่ากำลังอยู่ในฉากของหนังจีนกำลังภายในสักเรื่องเลยทีเดียว         บ้านรักไทยแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่ะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ในสมัยอดีตเคยเป็นทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) หรือที่เรารู้จักกันว่า “ก๊กมินตั๊ง” นั่นเองค่ะ ที่นี่ค่อนข้างมีอากาศเย็นๆ สบายๆ เกือบทั้งปี ยกเว้นช่วงหน้าหนาวนี่แหละ ที่จะหนาวมากเป็นพิเศษค่ะ เพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตร นอกจากเรื่องของอากาศที่ดีมากๆ แล้ว พื้นที่ของบ้านรักไทยนั้นก็เหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาวอีกด้วยค่ะ ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ ชา และ ขาหมูหมั่นโถว มากจนคนกรุงอย่างเ

ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีที่เที่ยวมุกดาหารสุดสวย

รูปภาพ
ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธี วัดภูมโนรมย์ หรือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อยู่ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารประมาณ 5 กม. มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่                       อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติมุกดาหาร มีพืชพันธ์ไม้หายากหลายชนิด เช่น ต้นช้างน้าว ผัหวาน ที่ในอดีต ชาวบ้านแถบนั้นจะขึ้นภูเก็บผักหวานกัน อยู่ในเขตอำเภอเมืองมุกดาหาร เป็นภูเขาที่มีความไม่สูงมากนัก มีพืชพันธุ์ไม้หลายชนิดที่หายาก เช่น ต้นช้างน้าว ดอกไม้ประจำจังหวัด ผักหวาน นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ เป็นวัดเก่าแก่ มองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดมุกดาหาร แม่น้ำโขง และแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ภายในบริเวณวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลอง สร้างขึ้นจากหินทราย กว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 1.8 เมตร และขณะนี้จังหวัดมุกดาหารยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสมหามงคงเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เป็นพระพุทธรูปบางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 39.99 เมตร สูง 59.99 เมตร รวมความสูงจากฐานถึงยอดเศียร 84 เมตร โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรั