ณัฐนินท์ธรรมวิทย์เมธีทางรถไฟสายมรณะ
ทางรถไฟสายมรณะ สายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชีย ที่กองทัพญี่ปุ่น เกณฑ์ มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานี น้ำตกระยะทางจาก สถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร "หากนับหมอนหนุนรางรถไฟมีเท่าไหร่ จำนวนผู้คน-เชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาสร้าง ทางรถไฟ สายนี้ก็ตายไปเท่านั้น" นี่คือคำเล่าขานถึงเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ไทย-พม่า ระยะทางกว่า 415 กิโลเมตรนี้ คือ ความหฤโหด ทารุณ และยากลำบาก ของสิ่งที่เชลยศึกได้รับ จนได้รับการขนานนาม ว่า "เส้นทางรถไฟสายมรณะ"
ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางสาย ธนบุรี-น้ำตกทุกวัน
และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์
และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาก
คือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแควและช่วงโค้งมรณะหรือ
ถ้ำกระแซซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบ แม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร
ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก ที่เส้นทางรถไฟ
จะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย โดยจะ
วิ่งเลียบผ่านและจอดที่สถานีถ้ำกระแซเวลา 13.30 น. ซึ่งหากใครขับรถมาชม
ด้วยตัวเองเองก็มารอที่ถ้ำกระแซและควรมาก่อนช่วงเวลาซักเล็ก น้อย
ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก
ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010,0
2223 7020 หรือ 1690 ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2484 สงครามแปซิฟิกเริ่มก่อตัวขึ้น
กองทัพญี่ปุ่นบุกโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ เกาะฮาวาย และบุก เข้ามาเลเซีย
ตอนกลางปี 2485 จากนั้นกองทัพญี่ปุ่นต่อสู้กับกองทัพอังกฤษในพม่า
แต่เป้าหมายหลักคือรุกรานเข้าอินเดีย แต่ญี่ปุ่น
รู้ดีว่าถ้าใช้เส้นทางเดินเรือ ขนอาวุธยุทโธปรณ์นั้น
เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางอากาศ จึงตัดสินใจสร้างทางรถไฟตัดผ่าน ประเทศไทย
ที่ในขณะนั้นเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น เริ่มต้น จากบ้านหนองปลาดุก
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรี ไปสู่ชาย
แดนไทยพม่าตรง"ด่านพระเจดีย์สามองค์"ไป เมืองตันบีอูซายัด ในพม่า
โดยเริ่มแรกในการก่อสร้างนั้น ใช้แรงงานของกรรมกร ชาวแขก พม่า มาเลเซีย
อินโดนิเซีย จีน และคนไทย แต่ก็ต้องเจอปัญหามากมาย เช่น
ฝนตกหนักจนสะพานพังลง โรคภัยไข้เจ็บ ของคนงาน การขาดอาหาร
และฝ่ายพันธมิตรในสงคราม ทิ้งระเบิดใส่ แล้วกรรมกรเสียชีวิตจำนวนมาก
รวมถึงทางรถไฟก็ถูกทำลาย กองทัพญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนการทำงานใหม่
โดยการเกณฑ์แรงงานของเชลยศึกชาวอังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกัน ฮอลันดา
และไอร์แลนด์ ประมาณ 50,000 คน และรวมกับกรรมกรอีกกว่า 275,000 คน
มาทำการก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ซึ่งใน
ส่วนหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ การสร้างในครั้งนี้
เต็มไปด้วยความยากลำบาก การวางรางรถไฟดำเนินไปจนถึงจุดที่ต้องสร้าง
สะพานข้าม แม่น้ำแควใหญ่ จึงมีการสร้างเป็นสะพานไม้ชั่วคราว
การสร้างเป็นไปอย่างเร่งรีบ ไม่มีวันหยุด ใช้เชลยศึกผลัดกัน ตลอด 24
ชั่วโมงและมีทหารควบคุม อย่างใกล้ชิด
สะพานข้ามแม่น้ำแควชั่วคราวนี้ใช้ ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนจึงเสร็จ
แล้วเริ่มสร้างสะพานถาวร (ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน) โดยที่เชลยศึก
จะต้องยืนในน้ำเป็นเวลานานๆ ทำให้เจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก
โดยสะพานข้ามแม่น้ำแควนี้ทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง มีความ ยาว 300 เมตร
เมื่อสร้างสะพานถาวรเสร็จ
จึงมีการรื้อถอนสะพานชั่วคราวออกในระหว่างที่ก่อสร้าง
ถูกสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดโจมตีอยู่ หลายครั้ง จนต้องสูญเสียชีวิตมนุษย์ไป
21,399 คน สาเหตุที่ทำให้คนตายเยอะขนาดนี้
เห็นจะมาจากการขาดแคลนอาหารที่เชลย
จะได้กินเพียงข้าวกับปลาแห้งเพียงเล็กน้อย แพทย์ก็ไม่พอเพียง
และยังได้รับการปฏิบัติอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายจาก ผู้คุมเชลยศึกและ
ผู้ควบคุมทางรถไฟ จนกระทั่งก่อสร้างเสร็จใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 17
เดือน ซึ่งต่อมาเรียกสะพานนี้ว่า "สะพานข้ามแม่น้ำแคว"
สร้างความยินดีให้กับทหารญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
แต่ก็ต้องสูญเสียชีวิตคนไปเป็นจำนวนมากใน
การสร้างสายรถไฟประวัติศาสตร์สายนี้
จนเรียกกันว่า "ทางรถไฟสายมรณะ" ที่ต่างเปรียบเทียบชีวิตคนที่เสียชีวิต
จากการสร้างว่า "หนึ่งหมอนรถไฟต่อหนึ่งชีวิต"
ทางรถไฟที่สร้างลำบากที่สุดตอนหนึ่ง คือ บริเวณสะพานถ้ำกระแซ
การก่อสร้างทางรถไฟ ในช่วงนี้ มีเทือกเขาสูงชันติดกับ ลำน้ำแคว น้อย
วิศวกรญี่ปุ่น จำเป็นต้องสร้างเลียบลำน้ำทางรถไฟจะลัดเลาะ ไปตามภูเขายาว
400 เมตร ซึ่งเป็นช่วงที่เชลยศึกต้องเสียชีวิต มากที่สุดประมาณ 1,000
กว่าคน เป็นสะพานที่ข้ามเหวลึกที่ยาวที่สุดของเส้นทางรถไฟสายนี้
สร้างเสร็จในเวลาอันรวดเร็วมาก นักโทษ
เชลยศึกสงครามได้ทำงานกันอย่างบ้าคลั่ง จากคำสั่งของผู้คุมนักโทษชาวญี่ปุ่น
ที่รู้จักดีในคำที่เรียกว่า "สปีดโด" (Speedo) หรือ
"ทำไปอย่าหยุด" จากเดือนเมษายน 2486 การก่อสร้างดำเนิน
การรุดหน้าไปเร็วมาก เนื่องด้วยฝ่ายญี่ปุ่นต้องการให้การก่อสร้าง
แล้วเสร็จตามความคาดหมายคือเดือนสิงหาคม ซึ่งถูกกำหนดเป็นเส้นตายของ
การก่อสร้าง ห้วงเวลาดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นที่รู้จักกัน
ในนามของห้วงเวลาแห่งความเร่งด่วน (Speedo)
เชลยศึกและคนงานชาวเอเชียถูกลงโทษ ให้ทำงานจนค่ำ
ที่บริเวณซึ่งทำการตัดช่อง เขาขาดนั้น แสงแวบๆ จากกองไฟส่องกระทบเรือนร่าง
ที่ผอมโซของคนงาน จึงเป็นที่มาของชื่อ "ช่องไฟนรก" (Hellfire Pass) หรือ
"ช่องเขาขาด"
การก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะ เริ่มสถานีจากหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง
จังหวัด ราชบุรี ผ่านเข้าไปยังจังหวัดกาญจนบุรี ข้ามแม่น้ำแควใหญ่
ไปทางทิศตะวันตก ผ่านเจดีย์สามองค์ จนถึงปลายทางที่ เมืองตันบีอุซายัต
ประเทศพม่า โดยมีระยะทางยาว ประมาณ 415 กิโลเมตร 37 สถานี
สร้างเสร็จในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2486 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ
สถานีรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นจาก สถานีท้องช้าง, ถ้ำผี,
หินตก, แคนนิว, ไทรโยค, กิ่งไทรโยค, ริ่นถิ่น, กุย, หินดาด,
ปรางกาสี, ท่าขนุน, น้ำโจนใหญ่, ท่ามะยอ, ตำรองผาโท้, บ้านเกรียงไกร,
คุริคอนตะ, กองกุยตะ, ทิมองตะ, นิเกะ, ซองกาเลีย,
และด่านเจดีย์สามองค์ เมื่อญี่ปุ่นประกาศ ยอมแพ้สงคราม
กองทหารอังกฤษจึงได้ทำการรื้อถอนทางรถไฟ ในเขตพม่า ออก 30 กิโลเมตร
และรื้อทางรถไฟในเขตประเทศไทย ออก 6 กิโลเมตร ทำให้ทางรถไฟสาย
นี้หมดสภาพการใช้งานต่อไป โดยต่อมารัฐบาลไทยได้ ขอซื้อทางรถไฟสายนี้
และวัสดุอุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้องในราคา 1,250,000 ปอนด์ หรือ 50 ล้านบาท
แล้วบูรณะจนสามารถเดินรถได้ และได้ทำการรื้อราง ออกไปบางส่วน คือ
บริเวณรอยต่อชายแดนไทยพม่า ซึ่งรัฐบาลไทยสามารถบูรณะซ่อมแซม
ทางรถไฟจนถึงสถานีน้ำตกเท่านั้น เพราะเส้นทางที่เหลือ
รัฐบาลไทยไม่มีงบประมาณเพียงพอ ที่จะทำการซ่อมแซม
ทำให้เส้นทางที่เหลือต้องทรุดโทรมอย่างหนัก จนปัจจุบันทางรถไฟที่เหลือ
ก็กลายเป็นป่าปกคลุมตลอดทาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น